 
บทความพิเศษ | นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน
ประธานสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย
ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ผู้สูงอายุดีเด่น
นอกจากการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุไทยมีความเข้มแข็งเป็นพลังของสังคมให้มากที่สุด ยาวนานที่สุด โดยกลไกการตั้งชมรมผู้สูงอายุ และการสร้างความเข้มแข็งชมรมผู้สูงอายุแล้ว
อีกกลไกหนึ่งคือโครงการ “ผู้สูงอายุดีเด่น”
ตามทฤษฎีแรงจูงใจของอับราฮัม มาสโลว์ นอกจากความต้องการพื้นฐานระดับที่หนึ่ง คือการมีปัจจัยสี่ เพื่อการมีชีวิตรอด และความต้องการพื้นฐานระดับที่สอง คือ ความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินแล้ว มนุษย์มีความต้องการระดับที่สาม คือ “การยอมรับในสังคม” ระดับที่สี่ คือการมีชื่อเสียงและระดับสูงสุดคือ ความสำเร็จสมหวังในชีวิต
ฉะนั้นการให้รางวัลย่อมเป็นกลไกที่จะจูงใจให้มนุษย์กระทำความดีเพื่อ “การยอมรับในสังคม” และ “การมีชื่อเสียง” นอกเหนือจากความเชื่อในกฎแห่งกรรม ที่แปลสั้นๆ ว่า “หว่านพืชเช่นใด ได้ผลเช่นนั้น ทำดี ได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว” จากพุทธศาสนสุภาษิตว่า ดังนี้
ยาทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ
กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี ปาปกํ
เพื่อสร้างเสริมกำลังใจให้ผู้สูงอายุในชุมชนทั่วประเทศ มีบทบาทในการทำงานเพื่อสังคมสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ จึงมีโครงการประกาศเกียรติคุนแก่ “ผู้สูงอายุดีเด่น” โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ.2542 และทำต่อเนื่องมาเกือบทุกปี
มีเว้นเพียงบางปีในช่วงที่โควิด-19 มีการระบาดรุนแรง จำเป็นต้องงดเพราะผู้สูงอายุเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง หากติดเชื้อจะมีโอกาสป่วยด้วยอาการรุนแรง และมีอัตราเสียชีวิตสูง การจัดงานที่มีการรวมคนจำนวนมากไม่สามารถกระทำได้ เพราะขัดกับมาตรการรักษาระยะห่าง (Social distancing)

เทศบาลตำบลเชียงรากน้อย โดยการบริหารงานของ นายอภิสิทธิ์ อัครวรรธนกุล นายกเทศมนตรีตำบลเชียงรากน้อย
โครงการ “ผู้สูงอายุดีเด่น” ดำเนินการอย่างเป็นระบบ เชื่อมโยงกับโครงสร้างการบริหารองค์กร ของสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ คุณสมบัติและวิธีการคัดเลือก ที่ส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งขององค์กรผู้สูงอายุ นั่นคือ การกำหนดคุณสมบัติพื้นฐานของผู้ที่จะได้รับการพิจารณา จะต้องเป็นสมาชิกชมรมผู้สูงอายุที่อยู่ในเครือข่ายของสาขาสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ หรือเป็นผู้ปฏิบัติงาน หรืออยู่ในเครือข่ายการดำเนินงานของสมาคม องค์กร ส่วนราชการ หรือสถาบัน ซึ่งเป็นสมาชิกสามัญของสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี
คุณสมบัติอีก 3 ข้อ ได้แก่
(1) “ต้องมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดี สมบูรณ์ แข็งแรง สามารถช่วยตนเองได้” เหตุผลเพื่อให้ผู้สูงอายุดูแลรักษาสุขภาพ ให้สามารถพึ่งตนเองได้ และช่วยเหลือผู้อื่นได้
(2) มีผลงานดีเด่น นับจากอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีผลงานต่อเนื่องเป็นรูปธรรม เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุประกอบคุณงามความดีต่อเนื่อง โดยเน้นผลงาน หลังจากที่มีอายุครบเป็นผู้สงอายุแล้ว
(3) ไม่เคยเป็นผู้สูงอายุดีเด่นของสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ มาก่อน เหตุผลเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุในชุมชน มีโอกาสได้รับคัดเลือกกว้างขวางขึ้น
เพื่อให้คำว่า “ดีเด่น” ซึ่งมีลักษณะเป็น “นามธรรม” สามารถวัดได้เป็นรูปธรรม จึงกำหนดนิยามไว้ 4 ด้าน ได้แก่
(1) ดีเด่นด้านการเสียสละ เช่น การบริจาคเงินและสิ่งของให้ชมรมผู้สูงอายุ สมาคมผู้สูงอายุฯ โรงพยาบาล โรงเรียน วัด หรือองค์กรการกุศลอื่นๆ
(2) ดีเด่นด้านการบำเพ็ญประโยชน์แก่ชมรมผู้สูงอายุ สมาคมสภาผู้สูงอายุฯ ชุมชน มูลนิธิ สังคม และประเทศชาติ
(3) ดีเด่นด้านการปฏิบัติตนเป็นคนดี จนสังคมยอมรับให้เป็นบุคคลตัวอย่าง เช่น พ่อตัวอย่าง แม่ดีเด่น อาสาสมัครดีเด่น เกษตรกรดีเด่น ศิลปินแห่งชาติ
ปราชญ์ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น ผู้สูงอายุดีเด่นในท้องถิ่น
(4) ดีเด่นด้านวิริยะ อุตสาหะ มีความสนใจใฝ่รู้ ส่งเสริมบุตรหลานให้ได้รับการศึกษา ประกอบอาชีพที่เหมาะสม และเป็นพลเมืองดีของสังคม
นอกจากนี้ ยังต้องมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ มีความเลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่มีลักษณะต้องห้าม เช่น ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่มัวเมาในการพนัน ไม่ลุ่มหลงในอบายมุข ไม่ดื่มสุราเป็นอาจิณ และไม่เป็นผู้เสพยาเสพติดให้โทษ
วิธีการดำเนินการคัดเลือก จะมีการคัดเลือกโดยคณะกรรมการตั้งแต่ระดับชมรม ให้มีกรรมการไม่น้อยกว่า 3 คน พิจารณาจากสมาชิกของชมรมเพียง 1 คน ในระดับจังหวัดให้สาขาสมาคมสภาผู้สูงอายุ คัดเลือกโดยคณะกรรมการไม่น้อยกว่า 5 คน
โดยกำหนดโควต้าตามจำนวนชมรมในจังหวัด จังหวัดที่มีชมรมน้อยกว่า 100 ชมรมเสนอได้ 1 คน มี 100-199 ชมรม เสนอได้ 2 คน มี 200-299 ชมรม เสนอได้ 3 คน มี 300-399 ชมรม เสนอได้ 4 คน มี 400-699 ชมรม เสนอได้ 5 คน มี 700-999 ชมรม เสนอได้ 6 คน มี 1,000 ชมรมขึ้นไป เสนอได้ 7 คน
สมาคมฯ จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการตัดสินขั้นสุดท้าย ซึ่งในปี พ.ศ.2568 ซึ่งเป็นการดำเนินการปีที่ 27 แล้วมีผู้ได้รับคัดเลือกเป็นผู้สูงอายุดีเด่น รวมทั้งสิ้น 166 คน เป็นชาย 80 คน หญิง 86 คน อายุ 63-93 ปี
พิธีมอบรางวัล จัดเป็นประจำที่โรงแรมปรินซ์ พาเลซ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ.2568 ซึ่งถือเป็นวันเกิดของสมาคมสภาผู้สูงอายุฯ โดย ฯพณฯ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธาน โดยก่อนการประกาศเกียรติคุณด้วยการมอบโล่แก่ผู้สูงอายุดีเด่น มีการมอบโล่เกียรติยศแก่ประธานสาขาของสมาคมฯ ที่ดำรงตำแหน่งมาครบ 2 วาระ และผู้บริจาคเงินแก่สมาคมฯ และมีพิธีสงฆ์ สวดมนต์ให้พรพร้อมประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมงาน ทั้งนี้ ท่านประธานได้กรุณาให้ผู้สูงอายุดีเด่นได้ถ่ายภาพกับท่านเป็นที่ระลึก
เชื่อว่าโครงการผู้สูงอายุดีเด่นนี้ สามารถสร้างผลกระทบอย่างกว้างขวางทั่วประเทศให้ผู้สูงอายุดูแลรักษาสุขภาพ อยู่ในสัมมาอาชีวะ เป็นพลเมืองดีของประเทศ และมีกำลังใจในการสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชน สังคม และประเทศชาติได้ไม่น้อย
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022
แหล่งที่มา : https://www.matichon.co.th/weekly/column/article_864627
 
								 
													 
								

